วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ประวัติศาสตร์ประเทศฝรั่งเศษ






ดินแดนของฝรั่งเศส ปัจจุบันมีร่องรอยทางโบราณคดียืนยันว่ามีมนุษย์อาศัยมายาวนาน มีการค้นพบภาพเขียนผนังถ้ำจำนวนมากทางตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดอยู่ในยุคหิน ต่อมาถึงปลายยุคสัมฤทธิ์พวกฮัลล์ชตัทท์ ซึ่งเป็นนักรบและคนเลี้ยงแกะได้อพยพจากเทือกเขาแอลไพน์เข้าอาศัยในพื้นที่ส่วนใหญ่ จวบจนพวกกอลบุกเข้ามาและกลายเป็นกลุ่มที่มีอำนาจและอิทธิพลเหนือชนเผ่าอื่นๆ ในที่สุด

700
ปีก่อนคริสตกาล ชาวกรีกเข้าตั้งอาณานิคมที่เมืองมัสซิเลีย(มาร์เซย์)ทางตอนใต้ ใช้เป็นสถานีการค้ากับดินแดนที่อยู่ห่างไกลทางทะเล และนำวัฒนธรรมเมดิเตอร์เรเนียนมาเผยแพร่ ปี 121 ก่อนคริสตกาล กองทัพโรมันบุกยึดมัสซิเลียแล้วจัดตั้งชุมชนแผ่อาณาบริเวณกว้างไปกว่าเดิม แต่โรมันก็อ่อนแอลงในต้นคริสต์วรรษที่ 5 พร้อมกับที่ชนเผ่าเยอรมันเข้ารุกราน กระทั่งจักรวรรดิโรมันล่มสลาย


ฝรั่งเศสปกครองระบบกษัตริย์มาหลายพันปี ยุคหนึ่งซึ่งรุ่งเรืองถึงขีดสุดคือรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (ค.ศ.1643-1715) สถาบันกษัตริย์มีอำนาจสูงสุด วัฒนธรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปกรรมเรอเนซองซ์ของอิตาลี พัฒนาความเจริญพร้อมความหรูหราฟุ่มเฟือยที่สุดในยุโรป

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 วาดโดย ไฮนริค ริกาด์

รัชกาลพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 วิกฤตการณ์ทางการคลังเรื้อรังมาเป็นระยะเวลายาวนาน ไพร่ฟ้าเดือดร้อนขณะที่ราชสำนักยังมีแต่ความฟุ่มเฟือย นำสู่ของการทลายคุกบาสตีลในที่สุด บาสตีลเป็นสัญลักษณ์ของการไร้เสรีภาพทางการเมืองประชาชน และการปกครองแบบกดขี่ของราชวงศ์บูร์บอง การทลายคุกบาสตีลนับเป็นเหตุการณ์แรกก่อนระเบิดสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส


ภาพวาดการทลายคุกบาสตีย์ วาดโดยฌ็อง-ปีแยร์ หลุยส์ โลร็องต์ อูเอล

ฝรั่งเศสเปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐ ปฏิรูปการบริหารด้วยการตั้งจังหวัด หลักปฏิบัติคือการเดินทางโดยใช้ม้าเป็นพาหนะ จากจุดใดๆ ก็ตามในแต่ละจังหวัดไปยังศาลากลางจังหวัดต้องสามารถไป-กลับได้ภายในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก ปัจจุบันฝรั่งเศสมี 100 จังหวัด

สำหรับรูปแบบการปกครองปัจจุบัน

ใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตย กำหนดให้ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐมาจากการเลือกทุกๆ 7 ปี ต่อมาวันที่ 24 กันยายน 2543 ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประธานาธิบดีอยู่ในวาระครั้งละ 5 ปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี 2545 เป็นต้นไป ประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีตามการเสนอแนะของนายกรัฐมนตรี


รัฐสภาฝรั่งเศสประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั่วประเทศ มีอายุสมาชิกภาพครั้งละ 5 ปี มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 577 คน และวุฒิสภา ได้รับเลือกตั้งทางอ้อมโดยผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั่วไปทุกๆ 9 ปี และทุก 3 ปี จะมีการเลือกตั้งใหม่ 1 ใน 3 มีจำนวนสมาชิกวุฒิสภา 321 คน 





สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศฝรั่งเศษ
หอไอเฟล (La Tour Eiffel) 
        หอไอเฟล สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสัญญลักษณ์ของฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก เป็นหอคอยโครงสร้างเหล็กหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย ตั้งอยู่บนถนนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ซึ่งตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบชื่อ "กุสตาฟ ไอเฟล" สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1889

ประตูชัย (Arc de triomphe de l'Étoile) 
        ประตูชัยเป็นส่วนหนึ่งของ "แนวเส้นตรงทางประวัติศาสตร์" (L'Axe historique) ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงจากสวนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปยังชานเมืองปารีส สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1806 ออกแบบโดยฌอง ชาลแกร็ง โดยออกแบบเป็นภาพของยุวชนเปลือยชาวฝรั่งเศส ที่กำลังต่อสู้กับทหารเยอรมันซึ่งเต็มไปด้วยเคราและใส่เกราะ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการปลุกแรงใจของชาติสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1

ถนน ชองป์ส เอลิเซ่ (Avenue des Champs-Élysées) 
         แอวะนู เดส์ ชองป์ส เอลิเซ่ เป็นถนนที่สวยงามซึ่งอยู่ในเขตที่ 8 ของกรุงปารีส เป็นย่านการค้าที่ประกอบด้วยโรงละคร คาเฟ่ และร้านค้าหรูหรา สองข้างทางมีต้นเชสต์นัตที่ได้รับการตกแต่ง อย่างสวยงามปลูกเรียงรายได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก

พระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) 
         เป็นพระราชวังที่มีความสวยงามมากเป็นอันดับต้นๆของโลก สร้างขึ้นโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1661 โดยช่างสถาปนิก อัลเดรด เลอ นอสเตอร์ เป็นผู้ออกแบบ ซึ่งใช้เวลาในการสร้างถึง 30 ปี มีนักท่องเที่ยวไปชมความงามไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน ต่อปี

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์  (Musée du Louvre) 
        พิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลกที่เก่าแก่ ใหญ่โต และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ในกรุงปารีส เป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่า ระดับโลกเป็นจำนวนมาก เช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี เป็นต้น







10 ภาพที่เเพงที่สุดในโลก




อันดับที่ 10.  Femme aux Bras Croises (Woman with Folded Arms) ภาพเขียนฝีมือของPablo Picasso
วาดขึ้นในปี 1902 ในยุค Blue Period ของเขา ซึ่งเป็นยุคที่มืดมนและโศกเศร้า ในภาพเป็นรูปผู้หญิงนั่งกอดอกอย่างเหม่อลอยไร้จุดหมาย ความแตกต่างของน้ำหนักสีฟ้าที่สวยงามคือเทคนิคการใช้สีที่Picasso นิยมใช้ในยุคนี้ภาพ Femme aux Bras Croises ถูกประมูลขายไปในราคา $ 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการประมูลของสถาบัน Christie ที่ Rockefellerในกรุงนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2000



อันดับที่ 9. Rideau, Cruchon et Compotier ภาพเขียนของ Paul Cezanne เขียนขึ้นในช่วงปี1893-1894
Cezanne เป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงในการเขียนภาพหุ่นนิ่ง ซึ่งแสดงอารมณ์อันล้ำผ่านความสงบนิ่งในความเหมือนจริงภาพนี้ถูก ประมูลขายไปด้วยราคาสูงถึง $ 60.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการประมูลที่สถาบัน Sothebyเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ปี 1999 ผู้ที่ประมูลไปคือ ตระกูล Whitneys หนึ่งในตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่หลังจากนั้นภาพนี้ได้ถูกนำมาประมูลใหม่อีกครั้งหนึ่ง




อันดับที่ 8. Portrait de l'artiste sans barbe ("Self-portrait without beard") หรือ ”ภาพเหมือนที่ไม่มีเครา”หนึ่งในภาพเหมือนตัวเองหลายๆ ภาพของ Vincent van Gogh จิตรกรชาวดัทช์ ซึ่งเขียนขึ้นในช่วงปี1889 ซึ่งเขาพำนักอยู่ที่เมือง Saint-Remy-de-Provence ประเทศฝรั่งเศส ภาพเขียนสีน้ำมันภาพบนเฟรมผ้าใบภาพนี้มีขนาด 40x31 ซ.ม. (16" x 13")Van Gogh เขียนภาพนี้หลังจากที่เขาพึ่งโกนหนวดเสร็จ แตกต่างจากภาพเหมือนรูปอื่นๆ ของเขาที่ไว้เครา และมันได้กลายเป็นภาพเขียนที่แพงที่สุดในโลกตลอดกาลเมื่อถูกประมูลขายไปใน ราคาสูงถึง $ 65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการประมูลที่สถาบัน Christie ที่กรุงนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 19พฤศจิกายน1998




อันดับที่7. Les Noces de Pierrette ภาพเขียนที่แพงที่สุดในโลกอีกภาพหนึ่งของ Pablo Picasso จิตรกรและประติมากรเอกชาวสเปน วาดขึ้นในยุค Blue Period ของเขา เป็นช่วงที่เขาทุกข์ทรมานจากความยากจนและความโศกเศร้า เนื่องจาก Carlos Casagemas เพื่อนรักของเขาฆ่าตัวตายเมื่อปี 1901 ภาพนี้ถูกขายให้กับเศรษฐีชาวเอเซียด้วยราคาสูงถึง $ 51.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน1989 ในการประมูลที่สถาบัน Binoche et Godeau ที่ปารีส


อันดับที่6. ภาพเขียนฝีมือของ Peter Paul Rubens จิตรกรเอกชาวเฟลมมิช ซึ่งวาดภาพนี้ขึ้นในปี 1611 เป็นภาพเขียนที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาภาพเขียนทั้ง 10 รูป ผู้ที่ซื้อไปคือนายKenneth Thomson (บารอนทอมสันที่ 2 แห่ง Fleet) ด้วยราคาสูงถึง 49.5 ล้านปอนด์ ($ 76.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในการประมูลเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2002 ที่สถาบัน Sotheby




อันดับที่5. Dora Maar au Chat (Dora Maar with Cat) ภาพเขียนปี 1941 โดย Pablo Picassoจิตรกรเอก
ชาวสเปน ผู้หญิงในภาพคือ Dora Maar ภรรยาของเขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ และมีแมวตัวน้อยเกาะอยู่บนไหล่ของเธอ ภาพนี้เขียนขึ้นในยุค Cubism ที่มีชื่อเสียงของเขา และถูกนำออกประมูลขายในการประมูลภาพเขียนของจิตรกรยุค Impressionism ที่สถาบัน Sotheby ในกรุงนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 23มีนาคม 2006 ด้วยมูลค่าสูงถึง $ 95.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงกว่าราคาที่ประเมินไว้คือ $ 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งผู้ไม่ประสงค์ออกนามเป็นผู้ที่ประมูลไป


อันดับที่4. Garcon a la Pipe (Boy with a Pipe) ภาพเขียนของ Pablo Picasso วาดขึ้นในปี 1905 อยู่ในช่วง 24 ปีของยุค Rose Period ที่มีชื่อเสียงของเขา เป็นยุคที่เขานิยมใช้สีส้มและชมพูในการเขียนภาพ สีน้ำมันบนผืนผ้าใบแสดงเด็กชายชาวปารีสคนหนึ่งกำลังถือไปป์ในมือซ้ายใน วันที่ 5 พฤษภาคม 2004 ภาพนี้ถูกประมูลขายไปในราคาสูงถึง $ 104.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสถาบัน Sotheby ในกรุงนิวยอร์ค หลังจากที่ทางสถาบันได้ตีราคาประเมินไว้ที่ $ 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ราคาขายที่ออกมาได้สร้างความประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากภาพนี้ไม่ได้วาดขึ้นในยุคCubism ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Picasso นักวิจารณ์ศิลปะหลายคนกล่าวว่ามูลค่าที่สูงลิ่วของภาพนี้มีมาจากชื่อเสียง ของตัวศิลปินเอง มากกว่าคุณค่าความงามหรือความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในตัวภาพเอง


อันดับที่3. Bal au moulin de la Galette ภาพเขียนที่วาดขึ้นในปี 1876 โดยจิตรกรชาวฝรั่งเศสPierre-Auguste Renoir ภาพนี้มีด้วยกัน 2 รูป และเป็นชื่อเดียวกันด้วย ภาพใหญ่กว่าจัดแสดงอยู่ที่
พิพิธภัณฑ์ Muse d'Orsay ที่กรุงปารีส ส่วนภาพเล็กถูกประมูลขายไปเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 1990ด้วยมูลค่าสูงถึง $ 78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่สถาบัน ในกรุงนิวยอร์ค ให้กับนาย Ryoei Saito ซึ่งซื้อไปพร้อมกับภาพเหมือนของ Dr. Gachet ซึ่งภาพ Bal au moulin de la Galette ก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกับภาพเขียนของ Vincent van Gogh เช่นกัน


อันดับที่2. Portrait of Dr. Gachet by Vincent Van Gogh ผู้ที่ซื้อภาพนี้ไปคือนาย Ryoei Saito มหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 1990ด้วยวงเงินสูงถึง $ 82.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการประมูลที่สถาบัน Christie ภาพเหมือนของ Dr.Gachet ถูกวาดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 1890 โดย Vincent van Gogh จิตรกรยุคอิมเพรสชั่นนิสม์(Impressionism)ชาวดัทช์นาย Ryoei Saito ได้ประกาศสิ่งที่ช็อควงการศิลปะโลกเมื่อเขากล่าวว่าเขาปรารถนาที่จะเผารูป เขียนของ Vincent van Gogh ให้ตายไปพร้อมกันกับเขา แต่ต่อมาเขาได้อธิบายว่าเป็นแค่การพูดเปรียบเปรยเท่านั้น เพื่อบอกว่าเขามีความชื่นชมภาพเขียนชั้นยอดรูปนี้เพียงใด ซึ่งนาย Ryoei Saito ได้เสียชีวิตลงเมื่อปี 1996 Vincent van Gogh ได้เขียนรูปเหมือนของ ไว้ 2 รูปด้วยกัน โดยใช้สีสันต่างกันเล็กน้อย ซึ่งอีกภาพนั้นจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Muse d'Orsay ที่กรุงปารีส

อันดับที่1.  ภาพ Mona Lisa (La Gioconda) ที่วาดโดยจิตรกรเรืองนาม Leonardo da Vinci (1452-1519) ซึ่งวาดขึ้นในช่วงปี 15031507 ปัจจุบันเป็นสมบัติของรัฐบาลฝรั่งเศส จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Musedu Louvre ในกรุงปารีส เป็นภาพที่ไม่มีวันนำออกมาประมูลขายได้ แต่มันเป็นภาพเขียนมีการประกันภัยที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ในวันที่ 14 ธันวาคม 1962 ภาพนี้ได้รับการประกันภัยสูงถึง $ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนที่จะนำออกไปแสดงยังสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหลายเดือน และในปี 2006 ภาพนี้จะมีมูลค่าเพิ่มสูงถึงราวๆ $ 670 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว 10 ภาพเขียนที่แพงที่สุดในโลก









เพลง Starry night




เพลง starry night

Starry, starry night
Paint your palette blue and grey
Look out on a summer's day
With eyes that know the darkness in my soul
Shadows on the hills
Sketch the trees and daffodils
Catch the breeze and the winter chills
In colours on the snowy linen land

Now I understand
What you tried to say to me
And how you suffered for your sanity
And how you tried to set them free
They would not listen
They did not know how
Perhaps they'll listen now

Starry, starry night
Flaming flowers that brightly blaze
Swirling clouds and violet haze
Reflect in Vincent's eyes of china blue
Colours changing hue
Morning fields of amber grain
Weathered faces lined in pain
Are soothed beneath the artists' loving hand

Now I understand
What you tried to say to me
And how you suffered for your sanity
And how you tried to set them free
They would not listen
They did not know how
Perhaps they'll listen now

For they could not love you
But still your love was true
And when no hope was left inside
On that starry, starry night
You took your life as lovers often do
But I could have told you Vincent
This world was never meant for one as beautiful as you

Like the strangers that you've met
The ragged men in ragged clothes
The silver thorn of bloody rose
Lie crushed and broken on the virgin snow

Now I think I know
What you tried to say to me
And how you suffered for your sanity
And how you tried to set them free
They would not listen
They're not listening still
Perhaps they never will...



The Starry Night (ราตรีประดับดาว)



The Starry Night  (ราตรีประดับดาว)


ราตรีประดับดาว เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์จิตรกรชาวเนเธอร์แลนด์คนสำคัญในสมัยอิมเพรสชันนิซึมยุคหลัง ที่ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (Museum of Modern Art) ในนครนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1941
ภาพ ราตรีประดับดาวถูกเขียนในปี ค.ศ. 1889 เป็นภาพภูมิทัศน์นอกหน้าต่างสถานบำบัดยามกลางคืน แต่ฟาน ก็อกฮ์เขียนภาพนี้ตอนกลางวันจากความทรงจำ






ที่มา

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1888 เมื่อพำนักอยู่ที่อาลส์ ฟาน ก็อกฮ์เขียนภาพ ราตรีประดับดาวเหนือแม่น้ำโรนและต่อมาก็เขียนภาพด้วยปากกาจากภาพที่เขียนก่อนหน้านั้น ฟาน ก็อกฮ์อ้างว่าการเขียนภาพ อาลส์เป็นการเขียนเพื่อสนอง "ความต้องการทางศาสนาทางใจอย่างรุนแรง"
ในกลางเดือนกันยายน ค.ศ. 1889 หลังจากวิกฤติการณ์อันร้ายแรงที่เริ่มมาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมจนถึงวันสุดท้ายของเดือนสิงหาคม ฟาน ก็อกฮ์ก็ตัดสินใจส่งภาพ ภาพศึกษายามกลางคืนในกลุ่มงานที่จะส่งไปให้น้องชายin the next batch of works to be sent to his brother, ทีโอในปารีส เพื่อทุ่นค่าใช้จ่ายในการส่งงานไปให้ทีโอ ฟาน ก็อกฮ์ก็ไม่ได้ส่งภาพศึกษาอีกสามภาพ ("ที่กล่าวถึงข้างต้น - ดอกฝิ่น - แสงสะท้อนยามค่ำ - พระจันทร์ขึ้น") ภาพสามภาพนี้ส่งไปปารีสรวมกับชุดที่ส่งตามไปต่อมา ทีโอไม่ได้กล่าวว่าได้รับงานที่ส่งไปให้ซึ่งทำให้ฟาน ก็อกฮ์ต้องเตือนถาม และในที่สุดก็ได้รับความเห็นของทีโอเกี่ยวกับงานที่เพิ่งเขียน

ภาพร่างด้วยปากกาหลังจากที่เขียนภาพนี้
หัวเรื่องของภาพ

ใจกลางของภาพ อาร์ลส์เป็นหมู่บ้านแซ็ง-เรมี-เดอ-พรอว็องส์ ภายใต้ท้องฟ้าที่ม้วนตัวเป็นก้นหอย ซึ่งเป็นมุมที่มองจากสถานบำบัดไปยังทิศเหนือ แนวอัลปิลล์ (Alpilles)ที่เห็น ไกลออกไปทางด้านขวาดูจะประสานกับภูมิทัศน์ แต่ที่จริงแล้วดูเหมือนว่าเนินเขาตรงกลางในภาพจะมาจากบริเวณที่อยู่ทางด้านใต้ของสถานบำบัด ต้นไซเปรสทางด้านซ้ายถูกเขียนเพิ่มภายหลัง สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือฟาน ก็อกฮ์ได้เปลี่ยนตำแหน่งของกลุ่มดาวหมีใหญ่จากทางเหนือมาเป็นทางใต้แล้วครั้งหนึ่งในภาพ ราตรีประดับดาวเหนือแม่น้ำโรน


ระเบียงภาพ







กีฬามาราธอน และ กีฬาโอลิมปิก


กีฬามาราธอน 


     กีฬาวิ่งระยะไกล นับเป็นอีกกีฬาหนึ่งที่ส่งเสริมให้ผู้แข่งขันได้พัฒนาสุขภาพอนามัยไปสู่คุณสมบัติสูงสุดที่มนุษย์พึงมี กีฬาวิ่งระยะไกลที่สุดที่มีการแข่งขันอย่างเป็นทางการ และบรรจุอยู่ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก คือการวิ่งมาราธอน(Marathon running)
         การวิ่งมาราธอน (Marathon) เป็นการวิ่งระยะไกล (Long-distance running) ที่มีระยะ 42.195 กิโลเมตร หรือ 26 ไมล์ 385 หลา โดยทั่วไปเป็นการวิ่งบนผิวถนน (Road race) เป็นกิจกรรมการวิ่งที่เฉลิมฉลองให้กับทหารกรีกโบราณที่ชื่อ ฟิดิปปิเดซ” (Pheidippides) ผู้วิ่งส่งสารสงครามแห่งมาราธอน (Battle of Marathon) ไปยังกรุงเอเธน แล้วเสียชีวิตด้วยความเหนื่อยอ่อน

ประวัติความเป็นมา (Origin)

ภาพวาด โดย ลุค โอลิเวอร์ เมอร์ซัน (Luc-Olivier Merson) เมื่อฟิดิปปิเดซ(Pheidippides)
ผู้ทำหน้าที่วิ่งนำข่าวชนะสงครามที่เมืองมาราธอน (Battle of Marathon) มาแจ้งแก่ประชานชาวเอเธนส์ (Athens)

 ชื่อการแข่งขันวิ่งมาราธอน มาจาก Marathon อันเป็นตำนานของ ฟิดิปปิเดซ” (Pheidippides) ผู้ทำหน้าที่ส่งสารชาวกรีก ตามตำนานมีอยู่ว่า เขาถูกให้มาส่งสารสงครามที่มาราธอน (battlefield of Marathon) แก่ชาวเอเธน เพื่อประกาศว่าทัพของเปอร์เซีย (Persians) ได้พ่ายแพ้ในการสู้รบกับกรีก ช่วงที่เกิดเหตุการณ์นี้คือประมาณเดือนกันยายน 490 ปีก่อนคริสตกาล ตำนานบอกว่า เขาวิ่งตลอดระยะทางนั้น โดยไม่ได้หยุดพักจนมาแจ้งข่าวแก่ที่ประชุม โดยกล่าวคำว่า νικωμεν’ (nikomen) แปลว่า เราได้ชนะสงครามแล้วก่อนที่เขาจะตายไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
        ตำนานเล่าขานนี้ปรากฏใน เกียรติศักดิ์แห่งเอเธน” (The Glory of Athens)ในช่วงศตวรรษแรกหลัง คริสตกาล ซึ่งในขณะนั้น ซึ่งได้กล่าวอ้างในงานของHeraclides Ponticus ซึ่งบอกว่าชื่อนักวิ่งว่า เธอซิปุส (Thersipus) แห่ง เออคิอุส (Erchius) หรือ ยูคลิส (Eucles) ซึ่งไม่ใช่ชื่อ Philippides หรือPheidippides
ส่วนงานเขียนของ ลูเซียน แห่ง ซาโมซาตา” (Lucian of Samosata) ได้ให้ชื่อนักวิ่งนี้ว่า Philippides ไม่ใช่ Pheidippides  แปลจาก Wikipedia

             มาราธอน หมายถึง ระยะ 26 ไมล์ 385 หลา แต่ทางแถบเอเซียนิยมใช้เป็น 42.195 กม.

 วิ่งบนถนนทั่วไป (Road Races) คือระยะที่อาจมากหรือน้อยกว่ามาราธอน (Mini Marathon) จะเป็นระยะกี่กิโลก็ตาม แม้แต่ที่เรียกกันว่า ครึ่งมาราธอน (21.100 กม.) ก็เรียกมินิได้เช่นกัน ส่วนคำว่า ซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน ( ซูเปอร์ครึ่งมาราธอน ที่บางคนเข้าใจว่าเป็นระยะมากกว่าครึ่งมาราธอน เช่น 25-30 กม. ความจริงคำว่า ซูเปอร์ฮาล์ฟนี้ฝรั่งไม่รู้จัก พี่ไทยเราตั้งกันเองตามประสาสิบล้อครีเอท แต่ถ้าเป็นระยะที่ยาวกว่ามาราธอน ( 42.195 ) เขาเรียก "Ultramarathon " มักจะมีมาตราฐานไว้ที่ 100 กม. มีการจัดบ่อยในยุโรป ส่วนใหญ่แชมป์จะทำเวลาอยู่ประมาณ 6.30-7 ชม.
      AIMS มีสมาชิกที่เป็นสนามวิ่งอยู่ทั้งหมดทั่วโลก ปัจจุบัน 55 ประเทศ ประกอบด้วย สมาชิกที่เป็นสนามแข่งขัน 166 แห่ง สนามวิ่งในประเทศเราที่เป็นสมาชิกของ AIMS มีอยู่ 1 สนาม คือ " กรุงเทพมาราธอน" สนามวิ่งที่เป็นสมาชิกของAIMS จะต้องได้รับการพิสูจน์วัดระยะของเส้นทางแข่งขันในระยะที่ถูกต้องตรงตามมาตราฐานวัดที่สุด กรณีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางแข่งขันเดิมเลย เมื่อครบ 5 ปี ผู้แทนฝ่ายเทคนิคของ AIMS ซึ่งปัจจุบันร่วมมือกันกับ IAAF ( International Amateur Atheletic Federation ) จะต้องทำการพิสูจน์วัดเส้นทางใหม่ นอกจากดูแลเคร่งครัดเกี่ยวกับความเที่ยงตรงของเส้นทางแข่งขันแล้ว AIMS ยังควบคุมดูแลโครงสร้างการจัดงานที่ได้มาตรฐานอื่น ๆ อีกด้วย

การแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งแรกของโลก
     ปี 1896 ในโอลิมปิคเกมส์ จัดที่เอเธนในระยะทาง 24 ไมล์ 1500 หลา ผู้ชนะในครั้งนั้น เป็นชาวกรีกนั่นเอง คือ สปิริดอน หลุย ( Spyridon Louis ) ทำเวลา2.58.50 ชม.
    ชื่อของ สปิริดอน เป็นประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเรามักจะเห็นตัวผลิตภัณฑ์หรือกิจกรรมที่เกี่ยวกับกีฬานำเอาคำว่า "Spyridon" ไปใช้ เช่น ชื่อบริษัทเกี่ยวกับกีฬา ฯลฯ โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา

ระยะทาง Marathon ถูกเปลี่ยนแปลง
    ปี 1908 มีการจัดโอลิมปิคเกมส์ ที่ London ระยะทางเดิมถูกปรับให้ยาวออกไปเป็น 26 ไมล์ 385 หลา ( 42.195 กม.) ด้วยเหตุผลที่คณะกรรมการยินยอมกำหนดเส้นชัยอยู่ตรงหน้าพระพักตร์เจ้าหญิงพอดี และต่อจากนั้นมาได้ยึดระยะนี้เป็นมาตราฐานจนถึงปัจจุบัน ผู้เป็นแชมป์คนแรกในระยะ 42.195 กม. นี้คนแรกคือ จอห์น เฮย์ (John Hayes) นักวิ่งอเมริกัน ทำเวลา 2.55.18 ชม.

การแข่งขันวิ่งมาราธอนสำหรับประชาชนทั่วไปครั้งแรกในโลก

    ทันทีที่มีการแข่งขันวิ่งมาราธอนในโอลิมปิคเกมส์ที่เอเธนปี ค.ศ. 1896 เมือง "บอสตัน" ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ริเริ่มจัดให้มีการแข่งขัน "วิ่งบอสตันมาราธอน" (Boston Marathon) ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1897 ใช้กฎกติกาการแข่งขันเหมือนโอลิมปิค เพียงแตกต่างกันที่เปิดโอกาสให้นักวิ่งประชาชนทั่วไปเข้าแข่งได้ "บอสตันมาราธอน" จึงกลายเป็นงานวิ่งมาราธอนประเพณีประจำเมืองที่มีอายุมากที่สุดในโลก จนถึงปัจจุบัน 115 ปี และจัดต่อเนื่องกันมามิได้ขาด

ภาพ การวิ่งมาราธอน ที่เบอร์ลิน ปี ค.ศ. 2007


กีฬาโอลิมปิก

      ก่อนหน้าคริสตกาลกว่า 1,000 ปี การแข่งขันกีฬาได้ดำเนินการกันบนยอดเขา โอลิมปัสในประเทศกรีซ โดยนักกีฬาจะต้องเปลือยกายเข้าแข่งขัน เพื่อประกวดความสมส่วนของร่างกาย และยังมีการต่อสู้บางประเภท เช่น กีฬาจำพวกมวยปล้ำ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแรง ผู้ชมมีแต่เพียงผู้ชาย ห้ามผู้หญิงเข้าชม ดังนั้นผู้ชมจะต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขา ครั้นต่อมามีผู้นิยมมากขึ้น สถานที่บนยอดเขาจึงคับแคบเกินไป ไม่เพียงพอที่จุทั้งผู้เล่นและผู้ชมได้ทั้งหมด ดังนั้น ในปีที่ 776 ก่อนคริสตกาล ชาวกรีกได้ย้ายที่แข่งขันลงมาที่เชิงเขาโอลิมปัส และได้ปรับปรุงการแข่งขันเสียใหม่ให้ดีขึ้น โดยให้ผู้เข้าแข่งขันสวมกางเกง พิธีการแข่งขันจัดอย่างเป็นระเบียบเป็นทางการ มีจักรพรรดิมาเป็นองค์ประธาน อนุญาตให้สตรีเข้าชมการแข่งขันได้ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าแข่งขัน ประเภทกรีฑาที่แข่งขันที่ถือเป็นทางการในครั้งแรกนี้ มี 5 ประเภท คือ วิ่ง, กระโดด, มวยปล้ำ, พุ่งแหลน และขว้างจักร ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่ง ๆ จะต้องเล่นทั้ง 5 ประเภท โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัล คือ มงกุฎที่ทำด้วยกิ่งไม้มะกอกซึ่งขึ้นอยู่บนยอดเขาโอลิมปัสนั่นเอง และได้รับเกียรติเดินทางท่องเที่ยวไปทุกรัฐ ในฐานะตัวแทนของพระเจ้า


      การแข่งขันได้จัดขึ้น ณ เชิงเขาโอลิมปัส แคว้นอีลิส ที่เดิมเป็นประจำทุก ๆ สี่ปี และถือปฏิบัติติดต่อกันมาโดยไม่เว้น เมื่อถึงกำหนดการแข่งขัน ทุกรัฐจะต้องให้เกียรติ หากว่าขณะนั้นกำลังทำสงครามกันอยู่ จะต้องหยุดพักรบ และมาดูนักกีฬาของตนแข่งขัน หลังจากเสร็จจากการแข่งขันแล้ว จึงค่อยกลับไปทำสงครามกันใหม่ ประเภทของการแข่งขันได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างในระยะต่อ ๆ มา โดยมีการพิจารณาและลดประเภทของกรีฑาเรื่อยมา อย่างไรก็ดีในระยะแรก ๆ นี้กรีฑา 5 ประเภทดังกล่าวที่จัดแข่งขันกันในครั้งแรกก็ยังได้รับเกียรติให้คงไว้ ซึ่งเรียกกันว่า เพ็นตาธรอน หรือ ปัญจกรีฑา ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงกำเนิดของกรีฑา ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการแข่งขันกันอยู่ แต่ประเภทของปัญจกรีฑาได้เปลี่ยนไปตามเวลา



      การแข่งขันได้ดำเนินติดต่อกันมานับเป็นเวลาถึง 1,200 ปี จนมาในปี พ.ศ. 936 (ค.ศ. 393) จักรพรรดิธีโอดอซิดุชแห่งโรมันได้ทรงประกาศให้ยกเลิกการแข่งขันนั้นเสีย เพราะเกิดมีการว่าจ้างกันเข้ามาเล่นเพื่อหวังรางวัล และผู้เล่นปรารถนาสินจ้างมากกว่าการเล่นเพื่อสุขภาพของตน รวมทั้งมีการพนันขันต่อ อันเป็นทางวิบัติซึ่งผิดไปจากวัตถุประสงค์เดิม คือ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหลายต่างก็อยากได้ช่อลอเรลซึ่งเป็นรางวัลของผู้ชนะ ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์จึงสั่งให้ล้มเลิกการแข่งขันนี้เสีย

http://www.educatepark.com/images/space.gifตลอดระยะเวลาที่มีการแข่งขันนั้น ได้จัดขึ้น ณ บริเวณที่แห่งเดียว คือ เชิงเขาโอลิมปัส แคว้นอีลิส จึงเรียกการแข่งขันตามชื่อของสถานที่ว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก


โอลิมปิกสมัยใหม่ 

http://www.educatepark.com/images/space.gifหลังจากโอลิมปิกโบราณได้ล้มเลิกไปเป็นเวลาถึง 15 ศตวรรษ โอลิมปิกยุคใหม่ก็เกิดขึ้น โดยมีนักกีฬาคนสำคัญของฝรั่งเศสชื่อ บารอน ปิแอร์ เดอ ดูเบอร์แตง ท่านขุนนางผู้นี้เกิดในกรุงปารีส เมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2406 (ค.ศ. 1863) สนใจประวัติศาสตร์ ปัญหาการเมืองและสังคม ในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ท่านอายุได้ 26 ปี ได้เกิดความคิดที่จะฟื้นฟูการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งได้ล้มเลิกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 936 (ค.ศ.393) โดยติดต่อกับบุคคลสำคัญของประเทศอังกฤษ, สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส เป็นเวลาถึง 4 ปี ในที่สุดได้เปิดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการขึ้น ที่ตำบลซอร์บอนน์ ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 (ค.ศ. 1892) และประกาศ ณ ที่นั้นว่า การแข่งขันโอลิมปิกซึ่งได้หยุดมานานกว่า 15 ศตวรรษ จักได้พื้นขึ้นใหม่เป็นการปัจจุบัน และแผนการของงานโอลิมปิกปัจจุบันนั้น ได้เป็นที่ตกลงกันในที่ประชุมจำนวน 15 ประเทศ ณ ตำบลซอร์บอนน์ ประเทศฝรั่งเศส


http://www.educatepark.com/images/space.gifคณะกรรมการผู้ริเริ่ม ได้ลงมติว่า ให้ทำการเปิดการแข่งขันโอลิมปิกปัจจุบันขึ้น โดยกำหนด 4 ปีต่อ 1 ครั้ง โดยให้ประเทศสมาชิกหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ แต่การเปิดแข่งขันครั้งแรกให้เริ่ม ณ กรุงเอเธนส์ ใน พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการกำเนิดกีฬาโอลิมปิกเมื่อครั้งโบราณ จากนั้นเป็นต้นมา การแข่งขันและวิธีเล่นกรีฑาก็พัฒนาไปอย่างกว้างขวาง และการแข่งขันทุก ๆ ครั้ง ให้ถือเอากรีฑาเป็นกีฬาหลัก ซึ่งจะขาดเสียมิได้ในการแข่งขันแต่ละครั้ง





โอลิมปิกฤดูร้อน

http://www.educatepark.com/images/space.gifกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน หรือ โอลิมปิกเกมส์ เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศที่จัดขึ้นทุก 4 ปี จัดขึ้นโดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee หรือ IOC) กีฬาโอลิมปิกเป็นกีฬาที่มีเกียรติมากที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลกก็ตาม โดยการแข่งขันฟุตบอลโลกมีผู้ชมมากกว่า โดยมีเหรียญรางวัลเป็นเครื่องตัดสิน ผู้ชนะเลิศนั้ได้เหรียญทอง อันดับสองได้เหรียญเงิน และอันดับสามได้เหรียญทองแดง โดยถือการมอบเหรียญนี้เป็นประเพณีตั้งแต่ปี 1904

http://www.educatepark.com/images/space.gifการแข่งขันนั้นเริ่มต้นครั้งแรกด้วยกีฬาเพียง 42 ประเภท ด้วยนักกีฬาเพียง 250 คน จนมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงมากกว่า 10,000 คน ของนักกีฬาชายและหญิงจาก 202 ประเทศทั่วโลก คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง คาดการณ์ว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันประมาณ 10,500 คน เข้าชิงชัยใน 302 รายการ ในขณะที่กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประมาณการไว้ว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันประมาณ 10,500 คน แต่ก็เกิดการคลาดเคลื่อนขึ้นเพราะมีผู้เข้าแข่งขันกว่า 11,099 คน ใน 301 รายการแข่งขัน

http://www.educatepark.com/images/space.gifนักกีฬาถูกส่งเข้าแข่งขันโดยคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศต่าง ๆ (NOC-National Olympic Committee) เพื่อแสดงจำนวนพลเมืองในบังคับของประเทศตน เพลงชาติและธงชาติประกอบพิธีมอบเหรียญ และตารางแสดงจำนวนเหรียญที่ชนะ โดยถูกใช้อย่างกว้างขวางในบางประเทศ โดยปกติแล้วเฉพาะประเทศที่ได้รับการรับรองเท่านั้นที่จะมีผู้แทนได้ แต่มีแค่เพียงประเทศมหาอำนาจบางประเทศเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วม

โดยมีเพียง 4 ประเทศที่ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันในโอลิมปิกฤดูร้อนทุกครั้ง ได้แก่ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร กรีซ และสวิตเซอร์แลนด์ และมีเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่ชนะและได้รับเหรียญทองอย่างน้อย 1 เหรียญจากการแข่งขันทุกครั้ง คือ สหราชอาณาจักร โดยได้รับตั้งแต่ 1 เหรียญทอง ในปี 1904 1952 และ 1996 จนถึงได้รับ 56 เหรียญทอง ในปี 1908